2559-06-11

[Special Fic] One Day Miracle of William Chan EP.06


[Special Fic] One Day Miracle of William Chan EP.06

#หนึ่งวันมหัศจรรย์ของเฉินเหว่ยถิง


Warning!! ฟิคเรื่องนี้คือวิ่งเปี้ยวโปรเจคต์นะคะ เป็นการแต่งฟิคคนละสามหน้าถ้วนต่อกันของสามคนแบบไม่บอกพล็อตล่วงหน้า แต่งต่อกันแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้55555

ความเดิมตอนที่แล้ว >>  Part 5 by ต้าซือซง ConiCat_



PART 6 ( IT’S ALL END )


ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้ว!!!
เฉินเหว่ยถิงสบถซ้ำๆ ขณะย่ำเท้าเดินไปมารอบห้องด้วยสภาพที่ผูกผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวไว้รอบเอว เขายกนิ้วขึ้นมากัดเล็บด้วยนิสัยส่วนตัวเวลาประหม่า ใช่.. นี่มันยิ่งกว่าความวิตกรวมกันทั้งชีวิตซะอีก!
ทั้งที่คิดว่าครั้งนี้ที่ทำลงไปมันจะเป็นโอกาสอันเหมาะสมที่หวังจะกระชับความสัมพันธ์ในวันวานให้ดีมากขึ้น แต่จู่ๆ ดันกลายเป็นว่าความสะเพร่าของตัวเขาเองก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่...

เหว่ยถิงมองร่างบางที่นอนคว่ำหน้าบนเตียงอย่างไม่วางตา ช่วงสายวันนี้ตั้งแต่เขาตื่นมามันมีทั้งความเป็นห่วงและไม่เข้าใจ... และตัวเขาเองก็ได้แต่ป้วนเปี้ยนอย่างเกร็งๆ อยู่ห่างๆ
เขาเครียดไปหมดเพราะว่าได้ทำอะไรบางอย่างลงไปกับเพื่อนสนิทโดยไม่มีสติยั้งคิด.. ไม่สิ ไม่ถูกนัก เรียกได้ว่าเขามีสติแต่ก็เลือนรางมากจนแยกแยะไม่ออกว่านี่คือเพื่อน ไม่ใช่คนรักเก่าอย่างอี้ฟานที่เห็นว่ากลับออกไปตั้งแต่เช้ามืด

เมื่อเดินมึนๆ ออกไปหากะละมังสำหรับใส่ผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ป๋อหรัน ซึ่งร่างสูงคิดหาวิธีแก้ต่างเอาไว้เสร็จสรรพว่าถ้าใครมาถามจะบอกว่าหมอนั่นเมาเละ ละเมอเดินออกมาข้างนอกแล้วลื่นตกลงมาจากบันไดยกระดับที่คั่นส่วนห้องครัวกับห้องนั่งเล่น
อันที่จริงมันมีแค่สองขั้น ตกลงมาก็ไม่น่าทำให้เอวระบม เดินท่าทางแปลกๆ ได้ แต่ก็ช่างเถอะ.. จางฮั่นที่นั่งจิบกาแฟแก้เมาอยู่คงไม่มีแก่ใจจะสงสัย ตอนนั้นเองที่สองหนุ่มแอบตกลงกันเงียบๆ ว่าวันหลังพวกเขาคงต้องลดปริมาณแอลกอฮอลล์ลงหน่อย...

เหว่ยถิงไปยืนหัวเราะเยาะเทียนอวี่ที่นอนท่าปลาดาวกางแขนกางขาหมดรูปบนพื้นห้องอยู่สักพักก็ต้องหุบยิ้มเพราะเจ้าของห้องโยนภาระมาให้เขาแบกคนที่ตื่นขึ้นมาคงขี้วีนกลับไปส่งบ้านเพราะมีธุระต่อตอนบ่าย จางฮั่นบอกเขาว่าจะปล่อยป๋อหรันนอนซมอยู่ที่นี่ไปก่อน ค่ำๆ ตื่นมาดีขึ้นคงหาทางกลับออกไปได้เอง
ครั้นรู้ตารางชีวิตคร่าวๆ ต่อจากนี้ เหว่ยถิงที่พยักหน้ารับคำไปส่งๆ ก็รีบวกกลับเข้ามาในห้องที่มีอีกคนนอนอยู่ ตาคมทอดมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าแต้มรอยสีกุหลาบที่ตัวเองสร้างขึ้นแล้วก็เม้มปากแน่นจนเหยียดเป็นเส้นตรง

“ไม่ต้องห่วง.. ฉันจะถนอมนายเอง”
กล่าวแผ่วเบาลอยลมก่อนจะหย่อนกายลงข้างเตียงช้าๆ และวินาทีถัดมาความอุ่นชื้นของผ้าขนหนูผืนนิ่มก็ค่อยๆ นาบลงมาบนผิวหน้า มือหนาขยับเช็ดใบหน้าของคนหลับไม่ได้สติแผ่วเบาไล่ตั้งแต่หน้าผากไปถึงแก้ม ก่อนที่ความอบอุ่นนั้นจะไล่ลงมาบริเวณลำคอ
ในตอนนี้แค่อยากจะจับมือสักครั้งยังยาก เหว่ยถิงรู้ว่ามันเกินกว่าสถานะเพื่อนที่ดี ที่มีให้กันมาตลอด และเพราะป๋อหรันดีกับเขามาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ หากมันไปทำลายความไว้ใจของอีกฝ่ายที่จริงๆ ก็เปราะบางกว่าฉากหน้าที่แสดงออก เขาคงเสียเพื่อนคนนี้ไปตลอดกาล

“อือ... ใครน่ะ? จะทำอะไร”
ป๋อหรันที่เริ่มรู้สึกตัวถามเสียงอ้อแอ้ออกไป ด้านคนที่กำลังปรนนิบัติอย่างทะนุถนอมที่สุดเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมา เหว่ยถิงจึงรั้งมือกลับแล้วพยายามอธิบายไม่ให้เสียงสั่น
“ฉันเอง.. แค่ช่วยเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ นายจะได้นอนหลับสบายขึ้น” ลึกๆ ชายหนุ่มรู้สึกตื่นตระหนก ยิ่งมองหน้าคนไม่รู้เรื่องรู้ราวที่มารองรับแรงอารมณ์ที่มีต่อคนอื่นเขาก็ยิ่งสงสารเพื่อนจับใจ

“...เหว่ยถิง?”
น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยเรียก เจ้าของเรือนผมสีดำมองคนที่เพิ่งปรือตาขึ้นแล้วส่งยิ้มให้ มือหนาดึงผ้าห่มหลุดลุ่ยคลุมให้ใหม่แล้วประคองอีกคนที่พยายามจะพยุงตัวขึ้นนั่งนอนลงตามเดิม.. พยายามให้ขยับตัวน้อยที่สุด
“อย่าเพิ่งลุกเลย.. ตอนนี้นายโอเคไหม?” ...แน่นอนเขาหมายถึงเอว “ยัง เอ่อ... ปวดหัวอยู่รึเปล่า”
“หา? เกิดอะไรขึ้นหรอ”
“ก็เมื่อคืนมีคนดื่มหนักจนเมาแล้วแพ้แอลกอฮอลล์ขึ้นมาเดินละเมอตกบันไดน่ะ”
“อา.. น่าอายเนาะ ฉันก็ว่ามึนๆ นอนแล้วนึกว่าจะหาย”
เหว่ยถิงมองดวงตาใสซื่อของคนที่ยังไม่ได้ลองขยับตัวมากแล้วจะรู้ว่าเดินลำบาก คิดว่าต่อจากนี้สักสองสามวันอีกฝ่ายจะรู้สึกไม่สบายตัวยังไงก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะตัดบทเอาดื้อๆ ไม่ให้เจ้าหนูจำไมสงสัยอะไรอีก

“หลับตาซะไอ้ตัวยุ่ง.. เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้จักยั้งตัวเอง ต้องให้ดูแลตลอดไปรึยังไง”
“ไอ้เวรนี่.. เจอกันก็หาเรื่องด่าทั้งปีอะ”
บ่นเสียงแหบ แต่ก็ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง ในทีแรกริมฝีปากซีดขยับทำท่าจะเถียงแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเม้มกลับอย่างเดิม จิ่งป๋อหรันได้แต่จับจ้องคนที่เดินออกไปจากห้องซึ่งทิ้งท้ายไว้เพียงว่าจะส่งข้อความมาเช็คว่าเขาไม่ได้หนีออกไปไหนจนกว่ารอยจ้ำแดงจากพิษไข้แพ้เครื่องดื่มมึนเมาเมื่อคืนจะจางลงด้วยความรู้สึกจั้กจี้ในหัวใจอย่างไรชอบกล


เวรกรรมหรือไรแต่ปางไหนเล่า...
เหว่ยถิงรำพึงกับตัวเองขณะพยุงคนที่อวดเก่งกระทั่งเวลาสติไม่อยู่กับตัวเข้าไปนั่งในรถ เม็ดเหงื่อเล็กๆ ผุดพรายขึ้นบริเวณหน้าผากมน เพราะตลอดทางจากลงลิฟท์มายังพอมีจางฮั่นช่วย แต่พอมาแยกกันตรงลานจอดรถแล้วเขาก็ต้องแบกเจ้าแม่จอมเหวี่ยงประจำกลุ่มนี่แทน

“โอยยยยยยยยยยยยยยยย จะไปไหนเนี่ย ไม่ไปเว้ยไม่ไป” เอาล่ะ.. เรื่องมา หม่าเทียนอวี่ยกแขนยกขาอันอ่อนแรงเสมือนคนไร้กระดูกตีไปมาจนสร้างรอยแดงไว้บนหน้าผากของผู้ที่จะพาไปส่งบ้านหนึ่งปื้นใหญ่ๆ
เหว่ยถิงตกใจสะบัดตัวออกทำให้คนเมายวบตัวลงแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น เขามองสภาพอเนจอนาถนั้นแล้วก็กลอกตามองบนก่อนจะยื้อแขนขาวไว้ข้างหนึ่ง
“เห้ย โตแล้วไม่งอแงดิ.. ลุกก่อนไอ้เทียน”
“ไรไรไรไร อย่ามาล้งเล้งนี่ถิ่นข้า!”
“แม่งเมาหนักข้ามวัน...” ร่างสูงเอ่ยเบาๆ กับตัวเองแล้วตะคอกอย่างสุดทน “เดี๋ยวเอาน้ำสาดนะ!”
“ย.. อย่านะเว้ย อย่าสาดๆ ไม่เล่นน้ำ”
คนที่สำอางพอๆ กับหยางหยางชะงักไปก่อนทั้งร่างจะแข็งทื่อ ยอมให้ฝ่ายที่ดูโมโหจัดลากขึ้นรถแต่โดยดี เมื่อเสียงประตูปิดลง เทียนอวี่มองตามคนที่เดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ มองของตกแต่งภายในรถบริษัทยุโรปอยู่นานกว่าจะจำแนกได้ว่าคือเพื่อนคนไหน เดชะบุญที่ไม่ใช่ว่าคนหน้าตาดีแบบเขาจะเมามายไม่ได้สติแล้วโดนไอ้บ้าที่ไหนจับไปขายเข้าให้แล้ว

“เชี่ยถิงหรอ? ดุอย่างกับลิงหิวกล้วย”
พอสติค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นปากพาซวยก็ทักคนช่วยพยุงเข้ามานั่งในรถแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้เลยถูกโบกไปยกหนึ่ง

ขับๆ ไปได้ระยะหนึ่ง เหว่ยถิงก็ถูกกระตุกแขนข้างที่จับเกียร์เอาไว้จนรถแทบพุ่งไปข้างหน้า เขากำลังจะหันไปด่าไอ้เพื่อนตัวแสบแต่ก็พบว่าทางนั้นสีหน้าไม่ดีนักจนเขาก็หน้าซีดตามไปด้วย
“กูเวียนหัวว่ะ แบบคลื่นไส้ๆ”
“ไม่เว้ย มึงห้ามอ้วก! เทียน มึงอดทนหน่อยนะ”
เหว่ยถิงตะล่อมอย่างใจเย็นเพราะเดาเรื่องที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นออก แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการ.. เพราะจับเพื่อนตัวดีที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาหาถุงพลาสติกสักใบให้ลุกขึ้นนั่งพิงเบาะ ทันใดนั้นเองเทียนอวี่ก็โก่งคอสำรอกออกมาแบบหมดไส้หมดพุง

“เฮ้ยยย.. ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยย! ”
คนขับร้องเสียงหลง เพราะของเก่ากว่าครึ่งได้อานิสงส์ลงจอดบนเสื้อสเวตเตอร์สีเข้มและกางเกงตัวเก่งของเขา พอหันไปมองว่าจะตำหนิสักหน่อย อีกฝ่ายก็ขยับตัว ให้หลังพิงพนักแล้วหลับตาพริ้มไปเสียแล้ว เจ้าของรถเลยได้แต่ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายแล้วแอบดึงแก้มนิ่มอย่างหมั่นไส้

“มาลงกับคนอื่นเสร็จ ก็หลับสบายเชียวนะสัส”
แค่จะจัดการกับเสื้อผ้าก็ดูจะยากลำบากแล้ว แต่สิ่งที่น่าเหนื่อยใจมากกว่าเห็นทีจะเป็นเรื่องที่ฮ่าวหมิงโทรเข้ามาบอกว่าเด็กซานต้าที่ขับรถชนกับลูกรักของเขาเข้ามาที่ร้านเพื่อขอพบคู่กรณี....


เหว่ยถิงคิดว่าวันนี้ตัวเองมีตารางชีวิตอัดแน่นยิ่งกว่าพ่อดาราใหญ่อี้เฟิงเป็นแน่ ร่างสูงวนรถไปส่งเทียนอวี่ที่คอนโดแล้วก็พบกับจื่อถิงที่ล็อบบี้เข้าโดยบังเอิญ
คนเสื้อผ้าเลอะเทอะปฏิเสธความหวังดีที่รุ่นน้องเสนอจะให้ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชั้นบนเพราะว่าสไตล์ของเขากับเจ้าเพื่อนบ้าสตาร์บัคที่กำลังหลับฝันหวานนั้นสุดโต่งไปคนละทางแล้วรีบกลับห้องตัวเองไปอาบน้ำ

ชายหนุ่มสวนทางกับครอบครัวหวังหยวนที่ฝ่ายนิติบุคล เด็กน้อยกระโดดเหยงๆ โบกไม้โบกมือให้ถิงเกอของเขาแต่เหว่ยถิงก็สภาพอนาถเกินกว่าจะไปยืนนิ่งๆ ให้น้องชายขี้อ้อนกอดได้เหมือนเคย จึงได้แต่ส่งยิ้มหวานที่สุดไปให้แล้วกดลิฟท์ขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว

ครั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสายจากฮ่าวหมิงก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้เสียงปลายสายไม่ใช่ความนุ่มนวลอ่อนโยนของเจ้าของร้านอาหารใจดีแต่กลับเป็นเชียนซีที่โวยวายว่า
ขอบคุณครับ ขอบคุณ.. เดชะบุญที่เมื่อคืนลุงไม่โทรมาจริงๆ 
เออ แล้วนี่ลุงอยู่ไหน? ตกลงลุงจะเอายังไงกับผม?
รอมาชาติกว่าๆ แล้ว แม่โอนตังค์มาให้จ่าย แต่ลุงจะมาเคลียร์ค่าเสียหายไหม?
อยากได้เท่าไหร่ลุงว่ามาเลย จะฝากเงินเอาไว้ให้แล้วจะกลับบ้านที่ต่างเมืองแล้ว!!!

ลุง ลุง ลุง ลุง ลุงมันอยู่นั่นทุกคำจนเขาคิดว่าตัวเองแก่เกินไปจริงๆ ที่จะโต้เถียงอะไรออกไปได้ทันวัยรุ่นสมัยนี้ แล้วก็ยังสงสัยว่าเขาไปมีเรื่องกับเด็กแก่แดดนี่ตอนไหน

ดังนั้นเหว่ยถิงที่เริ่มไม่ได้สติตามเทียนอวี่ไปอีกคนจึงได้แต่ถือสายไว้เช่นนั้นจนถูกตัดสัญญาณไป เขามองหน้าจอที่ดับไปอย่างฉงน เพราะไม่เคยเจอคนมาชนรถแล้วด่ากราดคู่กรณีแถมยังเป็นนักเลงน้อยเอาเงินฟาดหัวเขาได้หน้าตาเฉยได้โหดเท่านี้มาก่อนในชีวิต

ชายหนุ่มวนขับรถแบบจิตลอยไปถึงไหนไม่รู้แล้วจนมาจอดเทียบกับร้านฮ่าวหมิงได้สำเร็จ เจ้าของร้านจำรถรุ่นพี่ได้ก็รีบกระวีกระวาดเอาซองเงินสีแดงเหมือนอั่งเปาตรุษจีนพร้อมขนมเค้กวานิลลาสูตรใหม่ของทางร้านเป็นค่าทำขวัญมามอบให้ด้วยตัวเอง
เหว่ยถิงกว่าจะรู้ตัวเขาก็กำลังถือกระติกชาอู่หลงเอาไว้ในมือพร้อมของกำนัลต่างๆ แล้วก็ต้องรีบขยับรถออกไปโดยไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณน้องชายใจดีเพราะด้านหลังบีบแตรไล่หลังมาเสียงดังสนั่น

รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนออกไปอย่างไม่มีจุดหมาย เหว่ยถิงคิดว่าวันนี้อากาศดีเขาจึงแวะที่สวนสาธารณะเพื่อดื่มชาผ่อนคลายเสียหน่อย ปรากฏว่าเจอพ่อดาราใหญ่ที่นั่งยองๆ แอบอยู่มุมพุ่มไม้เข้าให้.. คิ้วตลกๆ ของอี้เฟิงน่ะ เป็นจุดสังเกตจะตาย ต่อให้ปลอมเป็นแมวเขาก็ยังจำเพื่อนได้ พนันพันหยวนเลย!

“เฮ้ย! ว่างงานหรอ”
ไม่คิดว่าคำทักทายธรรมดาจะทำให้ฝ่ายนั้นสะดุ้งสุดตัวก่อนจะตะปบหน้าเขาเข้าให้ อี้เฟิงลากเหว่ยถิงมาอีกทางก่อนจะอึกอักบอกเขามาตรงๆ ว่ากำลังรอหยางหยางอยู่ สองคนนี้กำลังอยู่ในช่วงดูใจ กำลังจะโทรหาให้เขาไปเป็นเพื่อนเวลาไปไหนต่อไหนจะได้ไม่อึดอัดจนเกินไป
เหว่ยถิงที่กลิ้งโค่โล่อยู่ถึงกับผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกได้สติ เขาหัวเราะเสียงดังแล้วพยายามอธิบายหลักการจีบรุ่นน้องโดยละเอียด ก่อนจะขอตัวไปหาที่สงบสุขไม่ใช่มาเป็นก้างขวางคอเช่นนี้

เดินผ่านลานน้ำพุ ปลายสายตามองเห็นหญิงสาวคู่หนึ่งยืนคุยกันกระหนุงกระหนิงเหมือนกับคู่รักเลสเบี้ยนที่น่าเอ็นดู แต่เมื่อมองดีๆ เหตุการณ์อะไรบางอย่างที่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เขามีความสงสัยนี้อยู่เต็มหัวใจก็หมุนย้อนกลับมา ก็นั่นมันอี้ชิงกับลู่หานนี่นา! ไอ้ที่ว่าแมนนักแมนหนามาคบกันเองแบบนี้มันเหมือนทอมดี้ชัดๆ !!!
เหว่ยถิงคิดไม่ออกเลยว่าสองคนนี้ไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันตอนไหน แต่เอาไว้เขาจะเก็บไปล้อทีหลังก็แล้วกัน

สวนสาธารณะนี้ดูจะเป็นที่นัดเดทของคู่รักมากมาย เหว่ยถิงรู้สึกท้อแท้ในใจที่วันดีๆ อย่างนี้เขามีเพียงกระติกชาและกล่องขนมเค้กเป็นเพื่อน ชายหนุ่มกัดเค้กคำหนึ่งแล้วล้มตัวลงนอนกลางพื้นหญ้าที่มีละอองหิมะสีขาวอยู่ประปราย ก็หนาวนิดหน่อยเหมือนกัน แต่อยู่ตรงนี้แล้วมองดูท้องฟ้าปลอดโปร่งนั้นก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว...
ความรู้สึกอยากลอยขึ้นไปให้ถึงเมฆนั้นทำให้เขาคิดพึงใครบางคนที่คิดจะกลั่นแกล้งแล้วโอ๋ปลอบอย่างทุกทีจึงลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง มองดูเบอร์โทรศัพท์ที่จะตัดใจลบก็ใช่ที่ เพราะเขาเองเป็นฝ่ายเริ่มต้นทะเลาะกับน้องรหัสจนผิดใจ

จากที่มีความคิดบางอย่างบอกเขาตอนตื่นมาว่าคนนอนข้างๆ เมื่อคืนวานจะต้องเป็นอี้ฟาน แต่กลับกลายเป็นป๋อหรันที่เขาไม่อยากทำลายความเป็นเพื่อนที่เป็นคนคนนั้นแทน
ไม่รู้สิ่งใดอีกเหมือนกันที่ตีก้องในหูเตือนเขาว่ามีสิ่งที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้กับคนที่สมควรได้รับ ตอนนี้เขาจึงต้องบอกคำนั้นให้อีกฝ่ายได้รู้แม้ว่ามันจะสายเกินไปแล้วก็ตาม... เสียงสัญญาณดังอยู่นานทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะกดรับ ซึ่งเขาก็ว่ามันดีมากแล้วที่ไม่ถูกตัดสายไปในช่วงเวลาแบบนี้
“เหวย.. อี้ฝาน”
“...”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน? สบายดีรึเปล่า”
“...”
“พี่...ยังคิดถึงนายนะ”

ปลายสายไม่ได้พูดอะไร เหว่ยถิงได้ยินแต่เสียงลมหายใจติดขัดที่ส่งกลับมาก่อนฝ่ายนั้นจะรวบรวมเสียงกล่าวออกมาว่ายุ่งมาก อย่าโทรมาอีกเลย

เหว่ยถิงฟังเท่านั้นก็เข้าใจความหมายที่จะสื่อ เขาบอกว่าไม่เป็นไรแล้วกดวางสาย หลับตาลงครั้งหนึ่งก่อนจะค่อยๆ ปรือมองท้องฟ้าที่ไม่เป็นใจนั้นแล้วคิดว่า มันอาจจะมีบางครั้งที่เราชอบเผลอคิดไปว่า คนบางคนที่อยู่ในความทรงจำ เขาจะยังคงเหมือนเดิมกับเรา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเราก็แค่คิดไปเอง

ล่วงเข้าช่วงบ่ายแก่ๆ เหว่ยถิงที่นอนหลับไปตอนไหนไม่รู้ถึงได้ตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นหนึ่งซึ่งมีรูปเขานอนหลับเช่นนี้อยู่บนพื้นหญ้าและรัวสติ้กเกอร์มาเยาะเย้ยในทุกรูปแบบเท่าที่จะมี มันถูกส่งมาจากหยางหยางที่เขาเดาออกเลยว่าเจ้าหมาป่าหุ้มหนังแกะตัวนั้นกำลังทำหน้าแบบไหนตอนกดส่งมา
เออ ขำให้ตายไปเลย พ่อสื่ออย่างเขาจะยุให้อี้เฟิงรุกหมอนั่นให้เดินไม่ได้ไปสามวัน!!!

ชายหนุ่มกดส่งข้อความไปหาป๋อหรันที่ไม่รู้ว่าซุกซนลองลงมาเดินแล้วหรือยัง แต่ก็พบว่าหมอนั่นโทรสวนกลับมาร้องไห้กับเขาว่าทำไมอาการมันแย่ขนาดนี้ เหว่ยถิงจึงรีบขับรถไปรับอีกคนมาดูแลใกล้ตัวที่ห้องเป็นการไถ่โทษพอดีกับครอบครัวของหวังหยวนที่มาลาบอกว่าจะไปอาศัยบ้านญาติอยู่สักพัก
เสี่ยวหยวนตัวน้อยงอแงอ้อนจะอยู่กับเขาต่อแต่คุณแม่ก็เกรงใจเหลือแสนเพราะเห็นพี่ชายใจดีหอบเพื่อนที่ระบุอาการว่าป่วยเฉยๆ มานอนที่ห้องด้วย เหว่ยถิงจึงให้สัญญาว่าพรุ่งนี้จะพาไปซื้อขนมที่ห้างใกล้ๆ หวังหยวนจึงยิ้มร่ากระโดดโลดเต้นตามคุณแม่ออกไปแต่โดยดี

เข็มนาฬิกาเคลื่อนช้าๆ ไปตั้งเป็นมุมฉากที่เลขเก้ากับเลขสิบสอง หลังจากกินโจ๊กไก่ฉีกและยาแก้ไข้ป๋อหรันที่ครอบครองเตียงของเหว่ยถิงไปแทนเจ้าของห้องก็หลับสนิทไปในเวลาอันสั้น ร่างสูงเดินไปเปิดกล่องรับจดหมายแล้วหยิบนิตยสารฉบับใหม่ที่ส่งมาที่ห้องขึ้นมาเปิดดูพลางๆ แต่ไม่นานหลังจากนั้น...

ปี๊ดดดดดดดดดดด
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นจนร่างสูงที่กำลังจะหย่อนตัวลงบนโซฟาต้องรีบลุกไปเปิดประตูห้องเพื่อดูเหตุการณ์

“ไฟไหม้ ไฟไหม้ ไฟไหม้!!!”
ความวุ่นวายวิ่งผ่านหน้าไปพร้อมกับเสียงอึกทึกครึกโครม เหว่ยถิงกุมขมับส่ายหน้าไปมาราวกับว่าเหตุการณ์ทำนองนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อน

เฮ้อ.. ให้ตายสิ เขาคิดว่าเขารู้นะว่าต้องทำยังไง

/FINALE
160102 .. สวัสดีปีใหม่นะค้า วันเดย์มิราเคิลเดินทางมาถึงสุดสถานีที่น้องเล็กแล้ว ต้องขอโทษจริงๆ ที่มาช้าไปโข เพราะไปแว๊บเที่ยวมาาา5555 หวังว่าจะจบได้ถมครบทุกหลุมนะคะ รักส์ <3

อิ__อิ ขอย้ายเด็ก ๆ มาไว้ที่นี่นะคะ  จะได้ตามตัวกันง่าย ๆ :)